การค้าขายในสมัยโบราณ
ทำให้มนุษย์คิดประดิษฐ์ตัวเลข
เพื่อใช้ในการคิดเลข และคิดสร้างกระดานดินเหนียว และกระดาษ
เพื่อใช้จดบันทึก
การคิดเลขเริ่มต้นด้วยการใช้อุปกรณ์ง่ายๆ คือ นิ้วมือ ก้อนหิน
กิ่งไม้เล็กๆ เปลือกหอย และลูกปัด ซึ่งต่อมา ได้พัฒนาขึ้นเป็น "กระดานคิดเลข"
และเมื่อประมาณ ๒,๖๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาวจีนได้ประดิษฐ์
"ลูกคิด"
ขึ้น เป็นที่นิยมใช้แพร่หลายมาจนทุกวันนี้
ภายหลังจากนั้นก็ได้มีการประดิษฐ์เครื่องบวกเลข และคิดเลขขึ้นอีกหลายแบบ
|
|
เครื่องคอมพิวเตอร์
ที่ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์เป็นเครื่องแรกของโลก มีชื่อว่า "มาร์ค ๑"
สร้างขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๘๗ เป็นคอมพิวเตอร์เชิงตัวเลข สำหรับใช้ในกิจการทั่วไป
ประกอบขึ้นจากอุปกรณ์ทางกล อุปกรณ์ทางไฟฟ้า
และอุปกรณ์ทางสถิติ ที่มีใช้อยู่ในสมัยนั้น
ต่อมาอีกสองปี
จึงได้มีผู้ประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องที่สองขึ้น ให้ชื่อว่า "อีนิแอ็ก"
มีส่วนประกอบเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์
นับเป็นคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรก
|
|
ระหว่าง พ.ศ.
๒๔๘๓-๒๔๙๓ นักคณิตศาสตร์ และฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ชื่อ จอห์น ฟอน นอยมันน์
ได้ให้ความเห็นว่า "ควรเก็บคำสั่ง
และข้อมูลไว้ในส่วนความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์"
ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง และยังคงใช้ในการสร้างคอมพิวเตอร์สมัย
ปัจจุบัน ฟอน นอยมันน์จึงได้รับเกียรติว่า เป็น "บิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์สมัยใหม่"
|
ต่อจากนั้นอีก
๒ ปี ได้มีการพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถใช้งานทางธุรกิจได้
เป็นเครื่องแรก ชื่อว่า "ยูนิแว็ก
๑" มีส่วนความจำบรรจุข้อมูลหรือคำสั่งได้ ๑,๐๐๐
คำ สามารถทำงานเกี่ยวกับตัวอักษร อ่าน คำนวณ
กับเขียนรายงานได้ในเวลาใกล้เคียงกัน
ในปัจจุบันเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้ามาก
ได้มีการนำเอาไอซีเล็กๆ ซึ่งเป็นวงจรเบ็ดเสร็จชนิดใหญ่ และชนิดใหญ่มาก
รวมทั้งโพรเซสเซอร์ มาใช้ประกอบ สร้างขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
ทำให้สามารถสร้างได้ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์ หรือซูเปอร์คอมพิวเตอร์
และคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว หรือคอมพิวเตอร์หลายชนิดหลายแบบเป็นจำนวนมากมาย
|