สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน
เมนู 17
|
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๑๗ / เรื่องที่ ๔ โรคตับอักเสบจากไวรัส / หน้าที่ของตับ
หน้าที่ของตับ
หน้าที่ของตับ
ตับมีหน้าที่สำคัญหลายประการ อันได้แก่ การสร้างน้ำดี
ซึ่งออกมาในลำไส้ ช่วยให้อาหารประเภทไขมันถูกย่อย และดูดซึมง่ายขึ้น
เก็บสำรองอาหาร โดยเก็บเอากลูโคส (GLUCOSE) ไปสะสมไว้ในเซลล์ตับ
ในสภาพของกลัยโคเจน (GLYCOGEN) และจะเปลี่ยนกลัยโคเจนกลับออกมาเป็นกลูโคสในกรณีที่ร่างกายต้องการใช้ได้ทันที
สะสมวิตามินเอ ดี และวิตามินบีสิบสอง นอกจากนี้ยังกำจัดสารพิษที่ลำไส้ดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด
เมื่อสารพิษผ่านตับ ตับก็จะทำลาย สารพิษบางชนิดตับทำลายไม่ได้ตรงกันข้ามจะไปทำลายเซลล์ตับ
เช่นแอลกอฮอล์ (ALCOHOL) คาร์บอนเตตราคลอไรด์ (CARBON
TETRACHLORIDE) และคลอโรฟอร์ม (CHLOROFORM) เป็นต้น
ตับจะทำหน้าที่สร้างวิตามินเอ จากสารแคโรตีน (สารสีส้มที่มีอยู่ในแครอต และมะละกอ)
ธาตุเหล็กและทองแดงจะถูกเก็บสะสมอยู่ที่ตับ เช่นเดียวกับวิตามิน
เอ ดี และบีสิบสอง สร้างองค์ประกอบในการแข็งตัวของเลือด
อาทิเช่น ไฟบริโนเจน (FIBRINOGEN) และโปรธรอมบิน (PROTHROMBIN)
เป็นต้น และยังสร้างสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด อันได้แก่
เฮปาริน (HEPARIN) ทำหน้าที่ในการกินและทำลายเชื้อโรคโดยมีเซลล์แมกโครฟาจ
(MACROPHAGE) ที่อยู่ในตับ ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะว่า
คุฟเฟอร์เซลล์ (KUPFFER'S CELL) และหน้าที่ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือเป็นแหล่งพลังงานสร้างความร้อนให้แก่ร่างกาย
ในขณะที่ทารกยังอยู่ในครรภ์ ตับจะทำหน้าที่เป็นอวัยวะสร้างเม็ดเลือดแดง
ตับจะยุติหน้าที่นี้ โดยให้ไขกระดูกทำหน้าที่แทนในเวลาต่อมา
นอกจากจะเป็นที่สร้างเม็ดเลือดแดงในระยะแรกแล้ว ในภาวะปกติคุฟเฟอร์เซลล์ที่บุเป็นผนังของแอ่งเลือดหรือไซนูซอยด์
(SINUSOID) จะทำหน้าที่ทำลายเม็ดเลือดด้วย ตับเป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของร่างกายทำหน้าที่สำคัญมากมาย
ถ้าเซลล์ตับถูกทำลายเสื่อมสภาพไปจะมีผลต่อสุขภาพ
อย่างไรก็ตามตับเป็นอวัยวะที่มหัศจรรย์ในร่างกายแม้ว่ามีเซลล์ตับที่ดีเหลืออยู่เพียงร้อยละ
10-15 แต่ตับก็ยังสามารถรับภาระหน้าที่ต่างๆ ของตนเองที่จะประคับประคองชีวิตได้
|
 วิธีทดสอบตรวจดูการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ :วิธีอีไลซา | การทดสอบสมรรถภาพตับ
เราจะทดสอบสมรรถภาพตับ
โดยการทดสอบหลายวิธีทางห้องชันสูตร แต่ละวิธีจะทดสอบหน้าที่
หรือสมรรถภาพตับได้แต่เพียงจำกัด
ไม่อาจทดสอบหน้าที่มากมายทุกประการ เมื่อตับเสื่อมสภาพ
ก็มิได้ทำให้การทำหน้าที่ต่างๆ
ของตับเสื่อมไปในอัตราที่เท่าเทียมกัน นอกจากนั้นยังมีอวัยวะอื่นๆ
ที่ทำหน้าที่ร่วมและทำหน้าที่เสริมกับตับอีกด้วย
ดังนั้นเมื่อมีผลการทดสอบผิดปกติก็ไม่ได้หมายความแน่ชัดว่าตับเสื่อมสภาพไป
หรือในบางครั้งผลการทดสอบปกติก็ไม่ได้หมายความแน่ชัดชัดว่าตับเสื่อมสภาพไป
หรือในบางครั้งผลการทดสอบปกติก็ไม่ได้หมายความว่าตับจะปกติร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
ด้วยเหตุนี้การทดสอบจึงต้องกระทำกันเป็นชุด
ในบางกรณีต้องใช้เข็มแทงเข้าไปในตับ เพื่อเอาเนื้อมาตรวจชันสูตรอีกด้วย
การทดสอบต่างๆ เป็นเพียงดังนี้
ชี้แนะถึงความเสื่อมสลายที่เกิดขึ้นภายในตับเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการทดสอบสมรรถภาพตับ
จะมีประโยชน์ในกรณีต้องการที่จะชันสูตรว่า ตับมีพยาธิสภาพ
หรือเป็นโรคหรือไม่
เพื่อแยกประเภทของดีซ่าน หรืออาการเหลือง เพื่อติดตามการดำเนินของโรค
และติดตามผลการรักษาโรคตับ
การทดสอบสมรรถภาพของตับที่กระทำกันอยู่เป็นประจำนั้น ได้แก่
การทดสอบเกี่ยวกับสารบิลิรูบิน (BILIRUBIN)
และสารที่เกี่ยวข้องกับบิลิรูบิน และการทดสอบที่บ่งถึงมีการคั่งของน้ำดี
การทดสอบเกี่ยวกับความสามารถในการขับถ่ายของเสียของตับ
การทดสอบเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของเซลล์ตับโดยการทดสอบปริมาณโปรตีน
(อัลบูมิน (ALBUMIN) โกลบุลิน (GLOBULIN)
และองค์ประกอบในการแข็งตัวของเลือด)
การทดสอบเกี่ยวกับการครองธาตุคาร์โบไฮเดรต ที่เรียกกันว่า กาแลกโทส
โทเลอรานซ์ เทสต์ (GALACTOSE TOLERANCE TEST) การทดสอบหาปริมาณเอนไซม์
อะมิโนทรานสเฟอเรส (AMINO TRANSFERASE) ซึ่งเราจะคุ้นกันในนามของเอสจีโอที
และเอสจีพีที การทดสอบหาเอนไซม์ไอโซซิเตรต (ENZYME ISOCITRATE)
ดีไฮโดรจีเนส (DEHYDRO- GENASE) และแลกเทส ดีไฮโดรจีเนส (LAC- TATE
DEHYDROGENASE) การทดสอบหา เอนไซม์อัลคาไลน์ฟอสฟาเตส เป็นต้น การ
ทดสอบเอนไซม์ต่าง ๆ นี้ เป็นการทดสอบที่จะ
แสดงถึงการเสื่อมสมรรถภาพของเซลล์ตับด้วย สำหรับในผู้ป่วยโรคตับอักเสบ
การทดสอบที่ ปฏิบัติกันอยู่เป็นประจำ ได้แก่ การทดสอบที่
เกี่ยวกับบิลิรูบิน (BILIRUBIN) การทดสอบ
หาระดับเอนไซม์ที่แสดงถึงการเสื่อมสมรรถภาพ ของเซลล์ตับ
|
|