การสำรวจแร่ทองคำ
การสำรวจแร่เป็นกิจกรรมที่ใช้หลักการทางวิชาการ
เพื่อค้นหาและตัดสินว่าพื้นที่ที่สำรวจมีแร่หรือแหล่งแร่อยู่หรือไม่
และมีปริมาณมากหรือน้อยเพียงใด ประกอบด้วย การสำรวจทางอากาศ
การสำรวจบนผิวดิน และการสำรวจใต้ดิน ด้วยวิธีการทางธรณีวิทยา ธรณีเคมี
และธรณีฟิสิกส์ โดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธีร่วมกัน ปัจจุบัน
กรมทรัพยากรธรณีเป็นหน่วยงานหลัก ที่รับผิดชอบในการสำรวจทางธรณีวิทยา
ธรณีวิทยาแหล่งแร่ ธรณีฟิสิกส์ ฐานข้อมูลทรัพยากรแร่
และข้อมูลการบินสำรวจธรณีฟิสิกส์ทางอากาศ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ |

การสำรวจแร่ทองคำ ตามแผนที่ธรณีวิทยา |
การสำรวจทางอากาศ
การสำรวจทางอากาศเป็นการสำรวจขั้นต้น
ซึ่งสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง
เพื่อให้ได้ข้อมูลพื้นฐาน ที่ใช้สำหรับการคัดเลือกพื้นที่ให้แคบลง
และนำไปวางแผนการสำรวจภาคพื้นดินต่อไป โดยการสำรวจทางอากาศ ประกอบด้วย
ภาพถ่ายดาวเทียม ภาพถ่ายทางอากาศ และการสำรวจธรณีฟิสิกส์ทางอากาศ
ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจทางอากาศ ต้องนำมาประมวลผล และแปลความหมาย
เพื่อใช้ในการกำหนดพื้นที่เป้าหมาย
สำหรับทำการสำรวจและติดตามผลภาคพื้นดินต่อไป |
 ตัวอย่างหิน ดิน หรือตะกอน ที่นำมาวิเคราะห์ทางเคมี |
การสำรวจบนผิวดิน
การสำรวจบนผิวดินประกอบด้วย ๓ ส่วนหลัก คือ การสำรวจธรณีวิทยา
การสำรวจธรณีเคมี และการสำรวจธรณีฟิสิกส์
ทั้งนี้วิธีการที่รวดเร็วและง่ายที่สุดในการสำรวจพื้นที่ศักยภาพของแร่ทองคำ
คือ การร่อนและเลียงแร่ ซึ่งเป็นวิธีการที่ชาวบ้านในท้องถิ่นใช้กัน
การสำรวจบนผิวดิน มีรายละเอียดดังนี้ |
 ย่อยสลายตัวอย่างหิน |
๑)
การสำรวจธรณีวิทยา
เป็นการสำรวจเก็บข้อมูลและศึกษาลักษณะของหิน ธรณีวิทยาโครงสร้างของสายแร่
หรือแหล่งแร่ และการทำแผนที่ธรณีวิทยารายละเอียด
|
๒)
การสำรวจธรณีเคมี
เป็นการสำรวจโดยการเก็บตัวอย่างดิน
หิน หรือแร่มาวิเคราะห์ทางเคมี เพื่อหาปริมาณแร่ธาตุต่างๆ และทองคำ
สำหรับกำหนดพื้นที่ศักยภาพแหล่งแร่ทองคำ
ทั้งนี้พื้นที่แหล่งแร่ทองคำที่มีศักยภาพสูงมักเป็นทองคำที่ปะปนอยู่ในเนื้อหิน
ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จะต้องนำตัวอย่างที่เก็บได้ เช่น
ตัวอย่างหิน ตัวอย่างดิน หรือตัวอย่างตะกอนธารน้ำ ไปวิเคราะห์ทางเคมี
เพื่อหาปริมาณส่วนประกอบที่เป็นทองคำเท่านั้น
ซึ่งต้องใช้วิธีวิเคราะห์ที่มีความละเอียดสูงมาก
สามารถหาปริมาณทองคำได้ถึงระดับหนึ่งในล้านส่วน หรือหนึ่งในพันล้านส่วน
|
 วิเคราะห์ด้วยเครื่อง แกรไฟต์เฟอร์เนซอะตอมิกแอบซอร์ปชันสเปกโทรมิเตอร์ (Graphite Furnace Atomic Absorption Spectrometer : GFAAS) |
๓)
การสำรวจธรณีฟิสิกส์
เป็นวิธีการสำรวจที่ประยุกต์ใช้หลักการทางฟิสิกส์
เพื่อสำรวจแหล่งแร่ทองคำทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยอาศัยสมบัติทางฟิสิกส์
ที่แตกต่างกัน ของวัตถุธรรมชาติ เช่น สมบัติทางแม่เหล็ก
สมบัติค่าแรงโน้มถ่วงโลก สมบัติค่าความต้านทานไฟฟ้า
สมบัติความเร็วของการเดินทางผ่านของคลื่นเสียง
ซึ่งจากสมบัติทางฟิสิกส์ที่ต่างกัน ก็จะกำหนดเป็นเครื่องมือธรณีฟิสิกส์
ที่ใช้สำรวจวัดสมบัติทางธรณีฟิสิกส์ที่แตกต่างกันของชั้นดิน หิน
หรือสายแร่ จากนั้นนำข้อมูลการสำรวจที่ได้ไปประมวลผล และแปลความหมายต่อไป |

แท่งหินตัวอย่างที่ได้จากการเจาะสำรวจ |
การสำรวจใต้ดิน
การสำรวจใต้ดินเป็นการสำรวจที่ระดับลึกลงไปจากผิวดิน
เพื่อให้เข้าใกล้แหล่งแร่ให้มากที่สุด เป็นวิธีการสุดท้าย
หลังจากที่ได้ดำเนินการสำรวจ ด้วยวิธีการต่างๆ ข้างต้นแล้ว
การสำรวจด้วยวิธีนี้จะได้ข้อมูลธรณีวิทยาแหล่งแร่ทั้ง ๓ มิติ คือ
ความกว้าง ความยาว และความสูง ซึ่งข้อมูลการสำรวจสามารถนำไปประมวลผล
และคำนวณปริมาณสำรองแหล่งแร่ และมูลค่าของแหล่งแร่
เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนทำเหมืองแร่ต่อไป
การสำรวจใต้ดินประกอบด้วย การขุดหลุมสำรวจ การขุดร่องสำรวจ
และการเจาะสำรวจ
การเจาะสำรวจเป็นกิจกรรมสุดท้ายของการสำรวจแร่
เนื่องจากเป็นวิธีการสำรวจ ที่มีต้นทุนสูง สามารถเจาะลงไปเก็บตัวอย่างดิน
หิน หรือแร่ จากระดับผิวดินลงไปได้ลึกหลายร้อยเมตร
ตัวอย่างที่ได้จะเป็นเศษหิน เศษดิน และแท่งหิน ที่ระดับความลึกต่างๆ
จากหลุมเจาะสำรวจ
หลังจากนั้นนำตัวอย่างดังกล่าว ไปวิเคราะห์สมบัติทางฟิสิกส์
และสมบัติทางเคมี เพื่อกำหนดค่าความสมบูรณ์ ขนาด รูปร่าง
และความลึกของแหล่งแร่ แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปประมวลผล สรุป
และประเมินความเป็นไปได้ เพื่อการลงทุนทำเหมือง
และพัฒนาแหล่งแร่ ในเชิงพาณิชย์ต่อไป |