นอกจากนั้นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระไตรปิฎก สำหรับหอหลวงอีก ๕ ฉบับ คือ
๑. ฉบับรดน้ำเอก เมื่อสร้างเสร็จแล้วโปรดเกล้าฯ ให้เก็บไว้ในหอพระเจ้า ภายในพระบรมมหาราชวัง ภายหลังพระไตรปิฎกชุดนี้ถูกน้ำฝนชะ และปลวกกิน ทำให้หนังสือชำรุดไปบ้าง ในรัชกาลต่อมา จึงโปรดเกล้าฯ ให้เคลื่อนย้ายมาเก็บรักษาไว้ ที่หอพระมณเฑียรธรรม
๒. ฉบับรดน้ำโท สร้างสำหรับหอหลวง เพื่อใช้ในการสอบไล่พระปริยัติธรรม
๓. ฉบับทองน้อย คัมภีร์ฉบับนี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ช่างผู้หญิงฝึกหัดจารหนังสือที่ตำหนักแพ นับเป็นคัมภีร์พระไตรปิฎกของหลวงฉบับแรก แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่จารโดยฝีมือช่างผู้หญิง
๔. ฉบับเทพชุมนุม ๒ ชุด สำหรับพระราชทาน ไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร คัมภีร์ทั้ง ๒ ชุดนี้ ต่อมาถูกฝนชะ และปลวกกินชำรุดเสียหายเป็นจำนวนมาก ต่อมาในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายคัมภีร์พระไตรปิฎกส่วนที่เหลือมาเก็บรักษาไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรวจสอบบัญชีหนังสือในหอพระมณเฑียรธรรมอีก ปรากฏว่า หนังสือขาดบัญชีไปเป็นจำนวนมาก เช่นเมื่อครั้งรัชกาลที่ ๒ ดังนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพิ่มเติมแทนของเก่าที่หายไป หนังสือชุดนี้เรียกว่า ฉบับ ล่องชาด
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จารคัมภีร์พระไตรปิฎกขึ้นอีกเรียกว่า ฉบับ ทองทึบ และเนื่องจากในรัชกาลนี้ มีการพิมพ์หนังสือกันแพร่หลายยิ่งขึ้น พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์พระไตรปิฎกขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้อักษรไทยแทนอักษรขอม และโปรดเกล้าฯ ให้เก็บพระไตรปิฎกฉบับพิมพ์นี้ ไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม ๑ ชุด
เมื่อมีการพิมพ์พระไตรปิฎกด้วยเครื่องพิมพ์แล้ว การจารพระไตรปิฎกลงใบลานด้วยอักษรขอม ก็หมดความนิยม และต้องเลิกไปโดยปริยาย
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการปฏิสังขรณ์หอพระมณเฑียรธรรม คราวเดียวกับการปฏิสังขรณ์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ครั้งนั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงแนะนำให้ เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) ผู้ควบคุมการปฏิสังขรณ์ นำบานประตูมุกลายกระหนก ซึ่งอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มาใช้เป็นบานประตูกลางด้านหน้าหอพระมณมณเฑียรธรรม แทนบานประตูลายน้ำบานเดิม บานประตูนี้ได้มาจากวัดบรมพุทธาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หอพระมณเฑียรธรรมจัดเป็นสถาปัตยกรรมไทย ที่ยังคงรักษารูปแบบศิลปกรรม สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นไว้ได้ค่อนข้างมาก แม้จะได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์มาหลายครั้งแล้วก็ตาม การตกแต่งเครื่องไม้จำหลักประดับกระจกตามส่วนต่างๆ ของอาคาร เช่น ที่หน้าบัน หน้าอุดปีกนก รวมทั้งซุ้มประตูหน้าต่างล้วนงดงามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะทวยที่รองรับชายคา จำหลักเป็นลายกระหนกม้วนปลาย มีส่วนหัวเป็นรูปหัวนาค ลักษณะของทวยแบบนี้ กล่าวกันว่า เป็นลักษณะเฉพาะของฝีมือช่างวังหน้าในรัชกาลที่ ๑
ภายในอาคารหอพระมณเฑียรธรรม น่าจะได้มีการตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนัง มาตั้งแต่แรกสร้าง และเมื่อมีการปฏิสังขรณ์แต่ละคราว จิตรกรรมฝาผนังภายในอาคาร ก็คงจะมีการอนุรักษ์เป็นระยะๆ เช่นเดียวกัน ปัจจุบันจิตรกรรมฝาผนัง ภายในหอพระมณเฑียรธรรม มีทั้งภาพเล่าเรื่อง และภาพลอยตัว เต็มผนังทั้ง ๔ ด้าน ที่ใต้ภาพบางภาพมีนามของช่างผู้เขียนปรากฏอยู่ เท่าที่รวบรวมได้มี ๔ ชื่อ คือ ฉ. ณ นคร นายไว้ นายทองอยู่ อินมี และนายหงวน รักมิตร์ โดยเฉพาะที่ใต้ชื่อนายหงวน รักมิตร์ นั้น มีข้อความว่า “เขียน พ.ศ. ๗๔” ซึ่งน่าจะหมายถึง “เขียน พ.ศ. ๒๔๗๔” อันเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อครั้งมีอายุครบ ๑๕๐ ปี นั่นเอง
จิตรกรรมฝาผนังภายในหอพระมณเฑียรธรรม ตอนล่างเป็นภาพเล่าเรื่องมหาชาติชาดก ตอนกลางระหว่างช่องหน้าต่าง เขียนเป็นภาพลอยตัวเทพบุตร และเทพธิดา ยืนพนมหัตถ์ ส่วนตอนบนเป็นภาพเทพชุมนุม รวมถึงบริเวณบานแผละหน้าต่างตอนบน เป็นภาพต่อเนื่องกับภาพเทพชุมนุม ซึ่งเขียนเป็นภาพเทวดากำลังเหาะเหินอยู่บนท้องฟ้า ส่วนตอนล่างซึ่งเป็นภาพพื้นดิน เขียนภาพเล่าเรื่องตามกระทู้คำพังเพย กลุ่มภาพกระทู้คำพังเพยเหล่านี้ แม้ว่าจะเป็นงานเขียนที่ไม่พิถีพิถันในด้านสุนทรียภาพมากนัก แต่ผู้เขียนภาพเน้นไปทางด้านเนื้อหาของเรื่องเป็นสำคัญ ซึ่งทำให้ภาพมีคุณค่ายิ่งขึ้น ดังตัวอย่าง ๒ ภาพต่อไปนี้
๑. ภาพเด็กชายยืนอยู่ริมฝั่งน้ำ ในมือทั้งสองข้างจับปลาไว้ข้างละตัว ภาพนี้มีความหมายตามกระทู้คำพังเพยว่า จับปลาสองมือ
๒. ภาพชายคนหนึ่งยืนแหงนหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า มีน้ำลายฟูฝอยอยู่สูงขึ้นไปเหนือใบหน้า ภาพนี้มีความหมายตามกระทู้คำพังเพยว่า ถ่มน้ำลายรดฟ้า
อีกประการหนึ่ง ปรากฏหลักฐานว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงคัดเลือกตู้มุกที่มีลวดลายสวยงาม บรรดาที่มีอยู่ในหอพระสมุดวชิรญาณ รวบรวมไปจัดตั้งไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม ตู้เหล่านั้นบางตู้มีจารึกว่า สร้างใน พ.ศ. ๒๓๘๙ บางตู้มีประวัติบันทึกไว้ว่า เดิมเป็นตู้เก็บพระภูษาทรง ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จนถึงปัจจุบันตู้ดังกล่าว รวมทั้งบรรดาหนังสือคัมภีร์พระไตรปิฎกต่างๆ ที่เก็บรักษาไว้ในหอนั้น ก็ยังคงเก็บอยู่เช่นเดิม
ปัจจุบันหอพระมณเฑียรธรรมใช้เป็นที่เก็บคัมภีร์ใบลานเพียงอย่างเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่หอสมุดแห่งชาติ ได้จัดทำบัญชีทะเบียนไว้แล้ว รวมเป็นคัมภีร์พระไตรปิฎก ๑,๑๒๘ คัมภีร์ แบ่งเป็นหมวดพระวินัยปิฎก ๒๐๓ คัมภีร์ หมวดพระสูตร ๗๒๓ คัมภีร์ และหมวดพระอภิธรรม ๒๐๒ คัมภีร์ โดยปกติในหอพระมณเฑียรธรรม ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ทุกวัน แต่จะมีกำหนดเปิดเป็นครั้งคราวตามวาระต่อไปนี้
๑. เมื่อมีงานพระราชพิธีที่ต้องใช้พระธรรมเป็นองค์ประกอบ เจ้าหน้าที่สำนักงานวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่หอสมุดแห่งชาติ คัดเลือกคัมภีร์พระไตรปิฎกในหอพระมณเฑียรธรรมออกไปร่วมในงานพระราชพิธีนั้น
๒. เมื่อถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เจ้าหน้าที่สำนักงานวัดพระศรี รัตนศาสดาราม จะเปิดหอพระมณเฑียรธรรม เจ้าพนักงานของสำนักพระราชวัง จะจัดตั้งเครื่องบูชาพานพุ่มดอกไม้ธูปเทียน ในวันอาสาฬหบูชาจะมีผู้แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นองค์ประธาน ในพิธีถวายเครื่องสักการบูชาพระธรรม
๓. เมื่อมีผู้ประสงค์ที่จะใช้คัมภีร์พระไตรปิฎก เพื่อการอ่าน แปล ตรวจสอบ หรือคัดลอก เฉพาะกรณีคัมภีร์ที่ไม่มีฉบับอื่นอยู่ในหอสมุดแห่งชาติ ทั้งนี้ต้องไม่ขัดต่อระเบียบของทางราชการด้วย